ป้องกันแชมป์ในนัดชิงฯ
เมื่อ 'ช้างศึก' ทีมชาติไทยเปิดบ้านกระทืบ 'เสือเหลือง' ไปแบบไม่ระบมหัวแม่เท้า 3-0
มีชัยด้วยสกอร์รวม 3-1 ผ่านเข้าไปป้องกันแชมป์ในนัดชิงฯ นี่คือสิ่งที่อยากจะบอกความปราชัย ด้วยสกอร์ 1-0 ในรอบตัดเชือก นัดแรกที่บ้าน มาเลย์เซีย กลายเป็นดีนะครับเพราะมันกลายเป็นการกระตุ้นให้แฟนบอลไทยเข้ามาเชียร์ทีมชาติแบบเต็มความจุของสนามเลยทีเดียวลองนึกดูว่าถ้านัดแรก บุกไปชนะเขา พอกลับมาเตะในบ้าน แฟนบอลคงไม่เต็มความจุแน่นอน
คุณภาพและมาตรฐานของผู้เล่นสายพันธุ์ปลาแดก เหนือกว่า มาเลย์เซีย มาตลอด เพียงแต่เวลาเจอกันในระยะหลัง เรามักจะพลาดกันง่ายๆ เอง เลยไม่ค่อยชนะพวกเขาต่อเมื่อเล่นได้ตามคุณภาพและมาตรฐานที่แท้จริงของตัวเอง มันก็ไม่มีปัญหาอะไรตอนแรก ดูบอล ผู้ชมทางบ้านอย่างผมก็คิดว่าเราน่าจะเจองานที่ยากพอสมควร หรือเหนื่อยหนักกว่าที่มันเกิดขึ้นในการศึกครั้งล่าสุด ด้วยเป็นห่วงเกมรับที่ชอบพลาดท่าเสียประตูง่ายๆที่ไหนได้นะครับ คือชนะแบบสบายๆ ไม่มีอะไรกดดันเลยจุดหนึ่ง เล่นดีก็ต้องชื่นชมการรับส่งบอล เกมรับ เกมรุก และจังหวะจบทำได้อย่างยอดเยี่ยมแทบไม่มีอะไรให้ตำหนิจุดหนึ่งคือ มาเลย์ฯ มีอัตราความอู๊ดดี้สูงกว่าที่คิด ในระดับอาเซี่ยน การทะลวงตาข่ายคู่ต่อสู้อาจไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรมากมายแต่พอเลื่อนขึ้นไปในระดับเอเชีย มันจะยากขึ้นอีก 2-3 เท่าทันทีเช่นเดียวกับในระดับนี้ที่เกมรุกของ 'เสือเหลือง' ไม่ได้มีความน่าขามเกรงอะไรเลย
นัดชิงฯ เวียดนาม ทั้งมุ่งมั่นและหมายมั่นจะถอนแค้นจากทีมชาติไทยให้ได้ตั้งแต่เกมแรกที่ได้เล่นในบ้าน
ซึ่งพบกับฟิลิปปินส์ ยังไม่มีแมตช์ใดที่แฟนฟุตบอลชาวไทย เข้ามาเป็นกำลังใจให้ทัพช้างศึกแบบเต็มความจุเลยสักนัดเกมที่มีผู้ชมมากที่สุดคือนัดชนะกัมพูชา 3-1 ด้วยจำนวน 8,415 คน ซึ่งยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของสนามกีฬาธรรมศาสตร์-รังสิต เลยด้วยซ้ำส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการที่เป็นการแข่งขันในรอบแรก เลยทำให้แฟนๆ ยังไม่ค่อยให้ความสนใจมากนัก
แต่อีกส่วนหนึ่ง ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า 'ความศรัทธา' ของผู้คนต่อฟุตบอลไทย เริ่มถดถอยลง กับการบริหารจัดการที่ถูกมองไปในทางลบ จนผลงานของทีมชาติทุกรุ่นตกต่ำลงอย่างชัดเจนเมื่อหลายๆ ปัจจัยประกอบกัน มันจึงทำให้แฟนๆ เริ่มเหนื่อยหน่ายและท้อแท้พอสมควรแต่ในสถานการณ์ที่คับขัน กับผลการแข่งขันที่เป็นรองมาเลเซีย จากความพ่ายแพ้ในนัดแรก ทำให้กองเชียร์ต่างแห่แหนเข้ามาเป็นกำลังใจให้กับนักเตะแบบเต็มความจุ 25,000 ที่นั่งการที่แฟนๆ เข้ามาเป็นกำลังใจกันแบบนี้ ส่งผลให้เห็นทันทีว่าขุนพลช้างศึกเล่นด้วยความมุ่งมั่นและกระหายต่อชัยชนะเอามากๆเสียงเชียร์ของผู้เล่นคนที่ 12 ทั้งสี่ฟากฝั่งอัฒจันทร์คือ 'พลังแฝง' อย่างแท้จริง ธีราทร บุญมาทัน ยังได้ออกสตาร์ตในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลางอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นเช่นนั้นมาตั้งแต่ในระดับสโมสรที่เขาเล่นกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มาตลอดในระยะหลังแน่นอนว่า 'คลาส' ของแชมป์ เจลีก 2019 นั้นทำให้เขายังโดดเด่น แม้จะไม่ใช่บทบาทที่คุ้นตา แต่ผลงานในการเล่นกองกลางของนักเตะวัย 32 ปี นั้นจัดว่าไฉไลไม่แพ้ใคร
ด้วยผลงานในลีกที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า 'ผ่านฉลุย' ทำให้ส่งต่อมายังทีมชาติที่ ธีราทร ก็ยังรับบทบาทมิดฟิลด์ตัวกลางเช่นเคย และก็ยังทำได้ตามมาตรฐานของตนเองไม่เปลี่ยนแปลงอย่างไรก็ตาม การเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็น อินโดนีเซีย หรือ มาเลเซีย ซึ่งต่างก็รู้ว่าถ้าปล่อยให้ผู้เล่นหมายเลข 3 ของไทย ได้บอลบ่อยๆ นั้นไม่ส่งผลดีแน่

ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น